พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และประมวลกฎหมายที่ดิน กฎกระทรวง
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
1. ข้อใดเป็นความหมายของคำว่าที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ก. พื้นที่ดินทั่วไป ข. คลอง
ค. ที่ชายทะเล ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน หมายความถึงพื้นที่ดินทั่วไป และให้ความหมายรวมถึงภูเขา ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ลำน้ำ ทะเลสาบ เกาะ และที่ชายทะเลด้วย จากความหมายดังกล่าว จะเห็นว่าที่ดินมีความหมายกว้างมาก เพราะนอกจากจะหมายความถึงพื้นที่ดินโดยทั่วๆ ไปที่ราษฎรใช้ปลูกบ้านอยู่อาศัยและประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพแล้วประมวลกฎหมายที่ดิน ยังให้ความหมายรวมถึงพื้นที่อื่นๆ ด้วย ซึ่งแม้โดยสภาพจะไม่เป็นพื้นดินธรรมดา เช่น หนองน้ำ บึง ทะเลสาบ เป็นต้น สาเหตุที่กฎหมายบัญญัติไว้เช่นนี้ก็เพราะว่าอาจจะเห็นว่าที่ดินเป็นทรัพย์ที่สำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้น พื้นที่ต่างๆ ดังกล่าวแม้ปัจจุบันจะยังไม่มีสภาพเป็นพื้นดิน แต่ในอนาคตจะตื้นเขินกลายเป็นพื้นดินขึ้นมาในภายหลังได้ จึงได้บัญญัติครอบคลุมไปถึงไว้ด้วย
2. สิทธิในที่ดิน หมายถึงข้อใด
ก. เฉพาะสิทธิครอบครอง ข. เฉพาะกรรมสิทธิ์
ค. ทั้งสิทธิครอบครอง และกรรมสิทธิ์ ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. สิทธิในที่ดิน หมายถึง กรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครอง
3. ที่ดินมือเปล่า คือที่ดินตามข้อใด
ก. ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดแผนที่
ข. ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดตราจอง
ค. ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็น นส.3ก
ง. ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นตราจองที่ตราว่าได้ทำประโยชน์แล้ว
ตอบ ค. ที่ดินมือเปล่า คือ ที่ดินที่เจ้าของยังไม่มีกรรมสิทธิ์ เช่น นส.3., ส.ค.1, น.ส. 3ก, ใบไต่สวน เหล่านี้เป็นที่ดินมือเปล่า เพราะเจ้าของยังไม่มีกรรมสิทธิ์
4. หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์มีกี่ชนิด
ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด
ค. 4 ชนิด ง. 5 ชนิด
ตอบ ค. หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ มี 4 ชนิด คือ 1) โฉนดที่ดิน 2) โฉนดแผนที่ 3) โฉนดตราจอง 4) ตราจองที่ตราไว้ได้ทำประโยชน์แล้ว
5. บุคคลในข้อใดมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแล้ว
ก. นาย ก มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินเป็นใบจอง
ข. นาย ข มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินเป็นหลักฐานการแจ้งการครอบครอง
ค. นาย ค มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินเป็นโฉนดที่ดิน
ง. นาย ง มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ตอบ ค. มาตรา 2 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 บัญญัติว่า “ที่ดินซึ่งมิได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใด ให้ถือว่าเป็นของรัฐ” จากมาตรา 2 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินดังกล่าว จะเห็นว่าที่ดินที่ ราษฎรยังมิได้มีกรรมสิทธิ์ ถึงแม้ว่าราษฎรยังมิได้มีกรรมสิทธิ์ ถึงแม้ว่าราษฎรจะมีสิทธิครอบครองโดยอาจจะหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินบางอย่าง เช่น ใบจอง ตราจอง หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน หนังสือรับรอง การทำประโยชน์ เป็นต้น แต่มาตรา 2 แห่งกฎหมายที่ดินก็ยังถือว่าที่ดินที่ราษฎรมีสิทธิครอบครองนี้เป็นที่ดินของ รัฐ เพียงแต่รัฐอนุญาตให้ราษฎรมีสิทธิครอบครองแล้วรัฐจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยว แต่สิทธิครอบครองที่กล่าวนี้จะต้องเป็นสิทธิครอบครองที่ชอบด้วยกฎหมาย
6. หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินข้อใด ที่ได้รับตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ก. โฉนดแผนที่ ข. โฉนดตราจอง
ค. ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ง. โฉนดที่ดิน
ตอบ ง. การได้มาซึ่งโฉนดที่ดินตามบทแห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งอาจจะเป็นการได้โฉนดที่ดินโดย การ ที่ทางราชการประกาศออกโฉนดที่ดินทั้งตำบล หรืออาจจะเป็นการยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะราย
7. หนังสือสำคัญสำหรับที่ดินตามข้อใด ตั้งเมื่อทำประโยชน์ครบ 2 ปี หรือ 3 ปีแล้ว สามารถนำมาขอตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” จากทางราชการได้
ก. ใบเหยียบย่ำ ข. นส.3
ค. ใบไต่สวน ง. ส.ค.1
ตอบ ก. ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ออกตามพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6)พุทธศักราช 2479 ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้มีการออกใบอนุญาตแก่ผู้มาขอจับจองทำประโยชน์ที่ดินของรัฐเป็นใบเหยียบย่ำหรือตราจอง ซึ่งมีอายุในการทำประโยชน์ 2 ปี หรือ 3 ปี แล้วแต่กรณี เมื่อผู้ขอจับจองได้ทำประโยชน์ครบตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายได้กำหนดไว้แล้ว ผู้ที่มีตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” จากทางราชการได้
8. การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อครองชีพนั้น เมื่อราษฎรทำประโยชน์ในที่ดินครบถ้วนตามหลักเกณฑ์แล้ว เจ้าหน้าที่จะออกหนังสือรับรองให้ เรียกว่าอะไร
ก. ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ข. หนังสือแสดงการทำประโยชน์
ค. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ง. หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน
ตอบ ข. การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2551 นั้น ทางราชการได้จัดที่ดินให้ราษฎรเข้าทำกินในที่ดินตามเงื่อนไขและระเบียบของเจ้าหน้าที่ เมื่อราษฎรได้ทำประโยชน์ในที่ดินครบถ้วนตามหลักเกณฑ์แล้ว เจ้าหน้าที่จะออกหนังสือรับรองให้ฉบับหนึ่ง เรียกว่า หนังสือแสดงการทำประโยชน์ (ไม่ใช่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 หรือ น.ส.3 ก) เป็นหนังสือรับรองที่เจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์หรือเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์แล้วแต่กรณีเป็นผู้ออกให้ เพื่อให้ผู้นั้นมีสิทธิไปขอรับโฉนดที่ดินจากพนักงานเจ้าหน้าที่ได้)
9. ที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน หากเจ้าของทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์เป็นระยะเวลาเท่าใด ที่ดินนั้นอาจกลับคืนมาเป็นของรัฐได้
ก. 1 ปี ข. 3 ปี
ค. 5 ปี ง. 10 ปี
ตอบ ง. มาตรา 6 นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับบุคคลใดมีสิทธิในที่ดินตามโฉนาดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน หรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลาดังต่อไปนี้
1. สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน เกินสิบปีติดต่อกัน
2. สำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เกินห้าปีติดต่อกัน ให้ถือว่าเจตนาสละสิทธิ์ในที่ดินเฉพาะ
ส่วนที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือที่ปล่อยให้เป็นที่ร้างว่างเปล่า เมื่ออธิบดีได้ยื่นคำร้องต่อศาลและศาลได้สั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าว ให้ที่ดินนั้นตกเป็นของรัฐเพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายนี้ต่อไป”
10. ที่ดินที่ราษฎรมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแล้ว ที่ดินนั้นอาจกลับมาเป็นของรัฐอีกในกรณีใด
ก. เจ้าของที่ดินเวนคืนให้รัฐด้วยความสมัครใจ
ข. เจ้าของที่ดินที่มีโฉนดที่ดินทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์เกิน 5 ปี
ค. เจ้าของที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่าเกิน 1 ปี
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. ถึงแม้ว่าราษฎรจะมีกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิ์ครอบครองในที่ดินในฐานะที่เป็นเจ้าของที่ดินนั้นก็อาจจะกลับมาเป็นของรัฐได้อีก พอจะแยกพิจารณาได้ดังนี้
1. เจ้าของที่ดินเวนคืนให้รัฐโดยความสมัครใจ
2. เจ้าของที่ดินทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า
2.1 สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน เกิน 10 ปีติดต่อกัน
2.2 สำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เกิน 5 ปีติดต่อกัน
3. เจ้าของที่ดินถูกทางราชการบังคับเวนคืน
11. ที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากเจ้าของทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์เป็นระยะเวลาเท่าใด
ที่ดินนั้นอาจกลับคืนมาเป็นของรัฐได้
ก. 1 ปี ข. 3 ปี
ค. 5 ปี ง. 10 ปี
ตอบ ค. มาตรา 6 นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับบุคคลใดมีสิทธิในที่ดินตามโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน หรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า เกินกำหนดเวลาดังต่อไปนี้
1. สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน เกินสิบปีติดต่อกัน
2. สำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เกินห้าปีติดต่อกัน ให้ถือว่าเจตนาสละสิทธิ์ในที่ดิน เฉพาะส่วนที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือที่ปล่อยให้เป็นที่ร้างว่างเปล่า เมื่ออธิบดีได้ยื่นคำร้องต่อศาลและศาลได้สั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ให้ที่ดินนั้นตกเป็นของรัฐเพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายนี้ต่อไป
12. เมื่อราษฎรได้ครองรองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับได้ไปแจ้ง
การครอบครองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกเอกสารตามข้อใด
ก. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ข. หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน
ค. ใบไต่สวน ง. ตราจองที่ตราว่า “ ได้ทำประโยชน์แล้ว”
ตอบ ข. หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน หรือ ส.ค. 1 ออกให้ในกรณีที่ราษฎรซึ่งได้ครอบครองและ ทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลที่ดินใช้บังคับได้ไปแจ้งการครอบครองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
13. หนังสือการยอมให้เข้าครอบครองที่ดินชั่วคราว คือข้อใด
ก. ใบเหยียบย่ำ ข. ใบจอง
ค. ใบไต่สวน ง. ส.ค.1
ตอบ ข. ใบจองหรือ น.ส.2 ตามมาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ได้ให้ความหมายว่าเป็นหนังสือแสดงการยอมรับให้เข้าครอบครองที่ดินชั่วคราว ซึ่งรัฐออกให้แก่บุคคลผู้ประสงค์จะได้ที่ดินของรัฐเป็นของตน โดยบุคคลผู้นั้นได้เสนอความต้องการของตนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรก็จะอนุญาตให้เข้าครอบครองที่ดินและออกใบจองให้ไว้เป็นหลักฐาน
14. การออกใบจองมีกี่วิธี
ก. 1 วิธี ข. 2 วิธี
ค. 3 วิธี ง. 4 วิธี
ตอบ ข. การออกใบจองมีได้ 2 กรณีคือ
1. การจัดที่ดอนจองรัฐให้แก่ประชาชน เรียกว่า การจัดที่ดินผืนใหญ่
2. ที่ดินที่รัฐอนุญาตให้ราษฎรจับจองเรียกว่า การจับจองที่ดินแปลงเล็กแปลงน้อย
15. ผู้ได้รับใบจอง จะต้องเริ่มทำประโยชน์ในที่ดินภายในเวลาใด
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 1 เดือน ง. 6 เดือน
ตอบ ง. ราษฎรผู้ได้รับใบจองเริ่มทำประโยชน์ในที่ดินภายในหกเดือนนับแต่วันที่ได้รับใบจอง
ถ้าผู้ถือใบจองไม่เริ่มทำประโยชน์ในที่ดินภายในหกเดือนนับแต่วันที่ได้รับใบจอง ให้เจ้าหน้าที่ในการจัดที่ดินสอบสวนรายงานตามลำดับไปยังอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อพิจารณาสั่งให้ผู้นั้นออกไปจากที่ดินตามมาตรา 32 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
16. กรณีที่อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งให้บุคคลใดออกไปจากที่ดิน เพราะเหตุไม่เริ่มทำประโยชน์ภายในระยะเวลาที่ กำหนดแล้ว หากบุคคลนั้นไม่พอใจคำสั่งดังกล่าวจะต้องยื่นอุทธรณ์ต่อบุคคลตามข้อใด
ก. นายอำเภอ ข. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ค. กรมอธิบดีกรมที่ดิน ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ง. บุคคลใดเข้าครอบครองที่ดินตามนัยแห่งบทบัญญัติมาตรา 30 ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับข้อกำหนด หรือเงื่อนไขของคณะกรรมการ อธิบดีมีอำนาจสั่งให้บุคคลนั้นออกไปจากที่ดินนั้นได้ และนับตั้งแต่วันได้รับคำสั่ง ให้บุคคลนั้นขาดสิทธิอันจะพึงได้ตามระเบียบข้อบังคับทั้งหลายทันที
ถ้าบุคคลนั้นไม่พอใจคำสั่งดังกล่าวในวรรคก่อน ก็มีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้ภายในกำหนดสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง แต่ถ้ารัฐมนตรีมิได้วินิจฉัยสั่งการภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันได้รับอุทธรณ์ ให้ถือว่ารัฐมนตรีสั่งให้มีสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นต่อไป
แต่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด และเงื่อนไขของคณะกรรมการตามเดิม คำสั่งของรัฐมนตรีให้ถือเป็นที่สุด
17. จากข้อ 16 จะต้องยื่นอุทธรณ์ ภายในกี่วัน
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ค. บุคคลใดเข้าครอบครองที่ดินตามนับบทบัญญัติมาตรา 30 ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด หรือเงื่อนไขของคณะกรรมการ อธิบดีมีอำนาจสั่งให้บุคคลนั้นออกไปจากที่ดินนั้นได้ และนับตั้งแต่วันได้รับคำสั่ง ให้บุคคลนั้นขาดสิทธิอันจะพึงได้ตามระเบียบข้อบังคับทั้งหลายทันที
ถ้าบุคคลนั้นไม่พอใจคำสั่งดังกล่าวในวรรคก่อน ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้ภายในกำหนด สามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง แต่ถ้ารัฐมนตรีมิได้วินิจฉัยสั่งการภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันได้รับอุทธรณ์ ให้ถือว่า รัฐมนตรีสั่งให้มีสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นต่อไป แต่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด และเงื่อนไข ของคณะกรรมการตามเดิม คำสั่งของรัฐมนตรีให้ถือเป็นที่สุด
18. ผู้ได้รับใบจองจะต้องทำประโยชน์ในที่ดินให้แล้วเสร็จภายในเวลาตามข้อใด
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 5 ปี ง. 10 ปี
ตอบ ข. ราษฎรได้รับใบจองจะต้องทำประโยชน์ให้แล้วเสร็จภายในสามปีนับตั้งแต่วันที่ได้รับใบจอง แต่ถ้าในท้องที่ใดมีความจำเป็นซึ่งไม่สามารถจะทำประโยชน์ให้แล้วเสร็จภายในเวลาสามปีได้ ก็ให้เสนอเหตุผลให้ พนักงานเจ้าหน้าที่คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติพิจารณากำหนดอายุการทำประโยชน์เกินกว่าสามปีก็ได้
19. ใบจองมีกี่แบบ
ก. 1 แบบ ข. 2 แบบ
ค. 3 แบบ ง. 4 แบบ
ตอบ ข. แบบของใบจองมี 2 แบบ น.ส.2 และแบบ น.ส. 2 ก
20. หนังสือขอจับจองที่ดินเพื่อเข้าทำประโยชน์ในที่ดินรกร้างว่างเปล่า ตามพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน
(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2479 คือข้อใด
ก. ใบเหยียบย่ำ ข. ใบจอง
ค. ใบไต่สวน ง. หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน
ตอบ ก. ใบเหยียบย่ำ คือหนังสือขอจับจองที่ดินเพื่อเข้าทำประโยชน์ในที่ดินรกร้างว่างเปล่า ตามระราช บัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2479 ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติเกี่ยวกับใบอนุญาตให้จับจองที่ดินว่ามี 2 ชนิดคือ ใบเหยียบย่ำและตราจอง
21. ใครเป็นผู้มีอำนาจในการออกใบเหยียบย่ำ
ก. เจ้าหน้าที่ที่ดิน ข. นายอำเภอ
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ข. ใบเหยียบย่ำ นายอำเภอเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการออกใบอนุญาตให้จับจอง ซึ่งมีระยะเวลาในการทำประโยชน์ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับใบเหยียบย่ำ
22. ผู้ที่ได้รับใบเหยียบย่ำจะต้องทำประโยชน์ให้แล้วเสร็จภายในเวลาตามข้อใด
ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 3 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ข. ใบเหยียบย่ำ นายอำเภอเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการออกใบอนุญาตให้จับจอง ซึ่งมีระยะเวลาในการทำประโยชน์ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับใบเหยียบย่ำ
23. ใครเป็นผู้มีอำนาจในการออกตราจอง
ก. เจ้าหน้าที่ที่ดิน ข. นายอำเภอ
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ก. ตราจองเจ้าหน้าที่ที่ดินเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการออกใบอนุญาตให้จับจอง ซึ่งมีระยะเวลาในการทำประโยชน์ให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับตราจอง
24. หนังสือคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว คือข้อใด
ก. หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน ข. หนังสือรับรองการทำประโยชน์
ค. ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ง. โฉนดที่ดิน
ตอบ ข. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หมายความว่า หนังสือคำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว
25. ที่ดินที่จะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ จะต้องมีลักษณะอย่างไร
ก. ผู้มีสิทธิ์ในที่ดินได้ครอบครองที่ดินนั้น ข. ผู้มีสิทธิ์ในที่ดินได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นแล้ว
ค. ที่ดินนั้นเป็นที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ที่ดินที่จะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ จะต้องเป็นที่ดินที่ผู้มีสิทธิในที่ดินได้ครอบครอง และทำประโยชน์แล้ว และเป็นที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ตามกฎหมาย
26. แบบของหนังสือรับรองการทำประโยชน์มีกี่แบบ
ก. 1 แบบ ข. 2 แบบ
ค. 3 แบบ ง. 4 แบบ
ตอบ ค. แบบของหนังสือรับรองการทำประโยชน์มี 3 แบบ คือ น.ส.3, น.ส.3 ก และ น.ส.3 ข
27. หนังสือรับรองการทำประโยชน์แบบใดที่ใช้ออกในท้องที่ที่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ
ก. น.ส. 3 ข. น.ส. 3 ก
ค. น.ส. 3 ข ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ข. แบบ น.ส. 3 ก ใช้ในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในท้องที่ที่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ
28. หนังสือรับรองการทำประโยชน์แบบใดที่ใช้ออกในท้องที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ
ก. น.ส. 3 ข. น.ส. 3 ก
ค. น.ส. 3 ข ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. แบบ น.ส. 3 ข ใช้ในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในท้องที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศยกเลิกอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติการตามประมวล กฎหมายที่ดินของหัวหน้าเขต นายอำเภอ หรือปลัดอำเภอ ผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอตามมาตรา 19 แห่ง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2528
29. การโอนสิทธิครอบครองในที่ดิน ที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์จะต้องทำอย่างไร
ก. เพียงแต่ส่งมอบการครอบครอง ข. มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ค. ทำเป็นหนังสือ ง. ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่
ตอบ ง. มาตรา 4 ทวิ นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดิน ซึ่งมีโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
30. หนังสือแสดงการสอบสวนเพื่อออกโฉนดที่ดิน หมายถึงข้อใด
ก. หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน ข. หนังสือรับรองการทำประโยชน์
ค. ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ง. ใบไต่สวน
ตอบ ง. ใบไต่สวน หรือ น.ส.5 หมายความว่า หนังสือแสดงการสอบสวนเพื่อออกโฉนดที่ดิน และให้หมายความรวมถึงใบนำด้วย
31. น.ส. 4 คืออะไร
ก. หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน ข. หนังสือรับรองการทำประโยชน์
ค. ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ง. โฉนดที่ดิน
ตอบ ง. โฉนดที่ดิน หรือ น.ส. 5 หมายความว่า หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน และให้หมายความรวมถึงโฉนดแผนที่ โฉนดตราจอง และตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว”
32. การโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่มีโฉนดที่ดินจะต้องทำอย่างไร
ก. เพียงแต่ส่งมอบการครอบครอง
ข. มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ค. ทำเป็นหนังสือ
ง. ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ตอบ ง. มาตรา 4 ทวิ นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดิน ซึ่งมีโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
33. โฉนดที่ดินทีกี่แบบ
ก. 1 แบบ ข. 3 แบบ
ค. 5 แบบ ง. 6 แบบ
ตอบ ง. โฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มี 6 แบบ คือ
1. โฉนดที่ดินแบบ น.ส. 4 ก 2. โฉนดที่ดินแบบ น.ส. 4 ข
3. โฉนดที่ดินแบบ น.ส. 4 ค 4. โฉนดที่ดินแบบ น.ส. 4
5. โฉนดที่ดินแบบ น.ส. 4 ง 6. โฉนดที่ดินแบบ น.ส. 4 จ
34. โฉนดที่ดินที่ทางราชการออกให้แก่ราษฎรในปัจจุบันเป็นแบบใด
ก. น.ส. 4 ข. น.ส. 4 ก
ค. น.ส. 4 ค ง. น.ส. 4 จ
ตอบ ง. โฉนดที่ดินแบบ น.ส. 4 จ เป็นโฉนดที่ดินที่ออกโดยอาศัยกฎกระทรวง ฉบับที่ 34 (พ.ศ. 2529) ซึ่งต่อมากฎกระทรวงฉบับนี้ได้ถูกยกเลิกโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) แต่กฎกระทรวงฉบับที่ 43 ก็ยังคงให้ออกโฉนดที่ดินแบบ น.ส. 4 จ เช่นเดิม โฉนดที่ดินแบบ น.ส. 4 จ นี้ เป็นโฉนดที่ดินแบบหลังสุดที่ทางราชการออกให้แก่ราษฎรผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ดังนั้นในปัจจุบันโฉนดที่ดินที่ทางราชการออกให้แก่ราษฎรจึงเป็นแบบ น.ส. 4 จ เท่านั้น
35. หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินประเภทใดที่ทางราชการออกให้เฉพาะในมณฑลพิษณุโลกเดิม
ก. โฉนดแผนที่ ข. โฉนดที่ดิน
ค. โฉนดตราจอง ง. ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว”
ตอบ ค. โฉนดตราจองนั้น แต่เดิมคือ ตราจองชั่วคราว ออกตามพระราชบัญญัติออกตราจองชั่วคราว ร.ศ.121 ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นพระราชบัญญัติออกโฉนดตราจอง ร.ศ.124 โฉนดตราจองได้มีการออกเฉพาะในมณฑลพิษณุโลกเดิม ซึ่งได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดพิจิตร จังหวัดอุตรดิตถ์ และบางส่วนของจังหวัดนครสวรรค์
36. โฉนดที่ดินต้องทำขึ้นกี่ฉบับ
ก. 1 ฉบับ ข. 2 ฉบับ
ค. 3 ฉบับ ง. 4 ฉบับ
ตอบ ข. วิธีการทำหรือการสร้างโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ต้องทำเป็นคู่ฉบับรวม 2 ฉบับ เรียกว่า “ฉบับเจ้าของที่ดิน” อีกฉบับหนึ่งเก็บไว้ ณ สำนักงานที่ดิน เรียกว่า “ฉบับสำนักงานที่ดิน”
37. การออกโฉนดที่ดิน มีกี่กรณี
ก. 1 กรณี ข. 2 กรณี
ค. 3 กรณี ง. 4 กรณี
ตอบ ข. การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ มีได้ 2 กรณี
1. การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งตำบล ตามมาตรา 58 และ 58 ทวิ
2. การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะราย ตามมาตรา 59 และ 59 ทวิ
38. การจะประกาศกำหนดท้องที่ที่จะมีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกำหนด
ค. ราชกิจจานุเบกษา ง. กฎกระทรวง
ตอบ ค. เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นพิจารณาเห็นสมควรตามข้อเสนอของอธิบดีกรมที่ดินว่า ควรจะมีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในท้องที่ใด จังหวัดใด ก็จะประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา ระบุชื่อจังหวัดที่จะทำการสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน หรือเดินพิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์เพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และระบุปีที่จะดำเนินการเพื่อให้ประชาชนทราบโดยทั่วกัน
39. ประกาศตามข้อ 38. ผู้มีอำนาจออกคือใคร
ก. นายอำเภอ ข. อธิบดีกรมที่ดิน
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ง. เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นพิจารณาเห็นสมควรตามข้อเสนอของอธิบดีกรมที่ดินว่า ควรจะมีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในท้องที่ใด จังหวัดใด ก็จะประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา ระบุชื่อจังหวัดที่จะทำการสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน หรือเดินพิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์เพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และระบุปีที่จะดำเนินการเพื่อให้ประชาชนทราบโดยทั่วกัน
40. ใครมีหน้าที่ต้องประกาศกำหนดท้องที่และวันเริ่มต้นของการเดินสำรวจรังวัด
ก. นายอำเภอ ข. อธิบดีกรมที่ดิน
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ค. เมื่อมีประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดนั้น เมื่อได้รับคำสั่งก็จะต้องประกาศกำหนดท้องที่และวันเริ่มต้นของการเดินสำรวจรังวัด โดยกำหนดว่าท้องที่ใด ตำบลใด อำเภอใด จะเริ่มดำเนินการเดินสำรวจรังวัดที่ดินเมื่อใด เพื่อให้ประชาชนได้ทราบอีกทีหนึ่ง โดยจะต้องปิดประกาศไว้ ณ สำนักงานที่ดิน ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการกิ่งอำเภอ ที่ว่าการกำนัน และที่ทำ การผู้ใหญ่บ้านแห่งท้องที่ ก่อนวันเริ่มต้นทำการเดินสำรวจไม่น้อยกว่า 30 วัน
41. การประกาศกำหนดท้องที่และวันเริ่มต้นของการเดินสำรวจรังวัด จะต้องประกาศก่อนวันเริ่มต้นทำการเดินสำรวจไม่น้อยกว่ากี่วัน
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ค. เมื่อมีประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว ผู้ว่าการราชการจังหวัดในจังหวัดนั้น เมื่อได้รับคำสั่งก็จะต้องประกาศกำหนดท้องที่และวันเริ่มต้นของการเดินสำรวจรังวัด โดยจะต้องปิดประกาศไว้ ณ สำนักงานที่ดิน ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการกิ่งอำเภอ ที่ว่าการกำนัน และที่ทำการผู้ใหญ่บ้านแห่งท้องที่ ก่อนวันเริ่มต้นทำการเดินสำรวจไม่น้อยกว่า 30 วัน
42. ผู้ที่ได้รับโฉนดที่ดินอันสืบเนื่องมาจากใบจอง ถ้าได้รับใบจองมาหลังวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จะต้องตกอยู่ในบังคับห้ามโอนเป็นเวลากี่ปี
ก. 1 ปี ข. 3 ปี
ค. 5 ปี ง. 10 ปี
ตอบ ง. ผู้ที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์อันสืบเนื่องมาจากการใบจองตามมาตรา 30 คือ ที่ดินที่รัฐจัดที่ดินผืนใหญ่ให้แก่ราษฎรและมาตรา 33 คือ ที่ดินที่รัฐอนุญาตให้ราษฎรจับจองซึ่งเป็นที่ดินแปลงเล็กแปลงน้อย ถ้าเป็นการได้รับใบจองมาในวันที่ หรือหลังวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จะต้องตกอยู่ในบังคับห้ามโอน 10 ปี นับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
43. ผู้ที่ได้รับโฉนดที่ดินอันสืบเนื่องมาจากใบจอง ถ้าได้รับใบจองก่อนวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515 จะต้องอยู่ในบังคับห้ามโอนเป็นเวลากี่ปี
ก. 10 ปี ข. 5 ปี
ค. 1 ปี ง. ไม่ตกอยู่ในบังคับห้ามโอน
ตอบ ง. ผู้ที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์อันสืบเนื่องมาจากใบจอง ตามมาตรา 30 และมาตรา 33 ซึ่งใบจองได้ออกก่อนวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ผู้ที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการ ทำประโยชน์มานั้น จะไม่ตกอยู่ในการบังคับห้ามโอน เว้นแต่จะเป็นการได้รับใบจองซึ่งทางราชการออกให้ก่อนวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515 และรัฐได้ให้การช่วยเหลือในด้านสาธารณูปโภคและอื่นๆ จะต้องตกอยู่ในการบังคับ ห้ามโอน 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
44. การห้ามโอนมีกำหนด 5 ปี 10 ปีนั้น นับระยะเวลาตั้งแต่เมื่อใด
ก. นับแต่วันที่เข้าครอบครองที่ดิน
ข. นับแต่วันที่เข้าครอบครองและทำประโยชน์
ค. นับแต่วันที่ได้รับใบจอง
ง. นับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
ตอบ ง. การห้ามโอนซึ่งมีกำหนด 5 ปี 10 ปี ตามมาตรา 30 และ 33 นั้น ให้นับตั้งแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ไม่ใช่นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบจอง
45. ผู้ที่ได้รับใบเหยียบย่ำ จะต้องทำประโยชน์ในที่ดินเป็นเวลาเท่าใด จึงจะมีสิทธิขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้
ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 3 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ข. ผู้ที่ได้รับใบเหยียบย่ำ เมื่อทำประโยชน์ในที่ดิน ครบ 2 ปีแล้ว เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศกำหนดท้องที่และวันเริ่มต้นของการเดินสำรวจรังวัดทำแผนที่ หรือพิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์ บุคคลนั้นได้มานำพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการเดินสำรวจตามมาตรา 58 วรรคสามแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ก็จะออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แล้วแต่กรณี
46. การจัดตั้งนิคม สามารถทำได้ตามข้อใด
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกำหนด
ค. พระราชกฤษฎีกา ง. กฎกระทรวง
ตอบ ค. พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 รัฐบาลมีอำนาจจัดที่ดินของรัฐเพื่อให้ประชาชนได้มีที่ตั้งเคหสถาน และประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่งในที่ดินได้ โดยการจัดตั้งเป็นนิคม การจัดตั้งนิคมนั้นจะกระทำได้โดยพระราชกฤษฎีกา และให้มีแผนที่กำหนดแนวเขตที่ดินของนิคมไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกาด้วย
47. การจัดที่ดินในรูปของนิคมมีกี่กรณี
ก. 2 กรณี ข. 3 กรณี
ค. 4 กรณี ง. 5 กรณี
ตอบ ก. การที่มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมนั้น อาจแบ่งการพิจารณาการจัดที่ดินในรูปนิคมได้เป็น 2 กรณี คือ 1) การจัดที่ดินในรูปนิคมสร้างตนเอง 2) การจัดที่ดินในรูปของนิคมสหกรณ์
48. สมาชิกนิคมสหกรณ์ที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จะโอนที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นไม่ได้ภายในกำหนดระยะเวลาเท่าใด
ก. 1 ปี ข. 2 ปี
ค. 3 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ง. สมาชิกนิคมสหกรณ์ที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จะโอนที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นไม่ได้ภายในกำหนดระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เว้นแต่เป็นการตกทอดมรดก หรือโอนไปยังสหกรณ์ที่ตนเป็นสมาชิกอยู่
49. การโอนกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครอง ที่จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ตามมาตรา 4 ทวินั้น จะใช้กับที่ดินที่มีเอกสารสิทธิตามข้อใด
ก. โฉนดแผนที่ ข. ใบจอง
ค. ใบเหยียบย่ำ ง. หลักฐานการแจ้งการครอบครอง
ตอบ ก. มาตรา 4 ทวินั้น จะใช้กับเอกสารสิทธิ 5 ประเภท
1. โฉนดที่ดิน 2. โฉนดแผนที่
3. โฉนดตราจอง 4. ตราจองที่ตราไว้ “ได้ทำประโยชน์แล้ว”
5. หนังสือรับรองการทำประโยชน์
มาตรา 4 ทวินี้ จะไม่นำไปใช้กับที่ดิน ส.ค.1 ใบจอง ใบเหยียบย่ำ ฯลฯ
50. ที่ดินแปลงใดเกิดที่งอกริมตลิ่ง ใครเป็นเจ้าของที่งอกริมตลิ่ง
ก. เจ้าของที่ดินแปลงนั้น ข. รัฐ
ค. ผู้ซื้อ ง. ผู้รับจำนอง
ตอบ ก. ที่ดินแปลงใดเกิดที่งอกริมตลิ่งย่อมเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น (ปพพ.ม.1308)
51. ใครเป็นเจ้าของเกาะที่เกิดในทะเลสาป
ก. เจ้าของที่ดินแปลงนั้น ข. รัฐ
ค. ผู้ซื้อ ง. ผู้รับจำนอง
ตอบ ข. เกาะที่เกิดในทะเลสาบ หรือในทางน้ำ หรือในเขตน่านน้ำของประเทศและท้องทางน้ำที่ตื้นเขิน เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน (ปพพ.ม. 1309)
52. การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน เป็นหน้าที่ของใคร
ก. กำนัน ข. องค์การบริหารส่วนจังหวัด
ค. เจ้าพนักงานที่ดิน ง. นายอำเภอ
ตอบ ค. การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่มีโฉนดที่ดินหรือที่ดินที่มีใบไต่สวนเพียง อย่างเดียว เจ้าพนักงานที่ดินหรือผู้กระทำการแทนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่มีโฉนดที่ดินที่มีใบไต่สวนพร้อมทั้งอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นรวมกับที่ดินดังกล่าว และ จดทะเบียนในคราวเดียวกัน เจ้าพนักงานที่ดินหรือผู้ทำการแทนเป็นหนักงานเจ้าหน้าที่
53. การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินมือเปล่าอย่างเดียว เป็นหน้าที่ของใคร
ก. กำนัน ข. องค์การบริหารส่วนจังหวัด
ค. เจ้าพนักงานที่ดิน ง. นายอำเภอ
ตอบ ง. การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินมือเปล่าอย่างเดียว ไม่รวมถึงที่ดินที่มีใบไต่สวน นายอำเภอหรือผู้กระทำการแทน ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอหรือผู้ทำการแทนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่
54. กรณีใดที่เจ้าพนักงานที่ดินไม่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียน
ก. ทรัพย์สินเกี่ยวกับที่ดินนอกจากที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน หรือที่ดินที่มีใบไต่สวน
ข. อสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นบนที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน ซึ่งโอนไปพร้อมกับที่ดิน
ค. อสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นบนที่ดินที่มีใบไต่สวน ซึ่งโอนไปพร้อมกับที่ดิน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. กรณีเจ้าพนักงานที่ดินจะมีสิทธิรับจดทะเบียนได้ มี 4 กรณี คือ
1. ที่ดินที่มีโฉนด
2. ที่ดินใบไต่สวน
3. อสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นบนที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน ซึ่งโอนไปพร้อมกับที่ดิน
4. อสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นบนที่ดินที่มีใบไต่สวน ซึ่งโอนไปพร้อมกับที่ดิน
55. การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามข้อใด ที่ไม่ต้องมีประกาศก่อนทำการจดทะเบียน
ก. การจดทะเบียนรับมรดกที่ดิน
ข. การจดทะเบียนลงชื่อเป็นผู้จัดการรับมรดกในกรณีอื่นนอกจากโดยคำสั่งศาล
ค. การไถ่ถอนการขายฝาก
ง. การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่ยังไม่มีโฉนดที่ดิน
ตอบ ก. กรณีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ไม่ต้องมีการประกาศก่อนทำการจดทะเบียนตามข้อ 5 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2497) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2526) คือ
1. การจดทะเบียนเลิกสิทธิหรือนิติกรรม เช่น เลิกเช่า เลิกภาระจำยอม
2. การจดทะเบียนสิทธิหรือนิติกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการจำนอง เช่น การไถ่ ถอน การขึ้นเงิน การผ่อนต้น
การโอนสิทธิ การโอนหลุดเป็นสิทธิ การโอนชำระหนี้จำนอง การแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนอง หรือหนี้
อันจำนองเป็นประกัน เป็นต้น
3. การไถ่ถอนจากการขายฝาก การปลดเงื่อนไขการไถ่ หรือการโอนสิทธิการไถ่จากการฝากขาย
4. การจดทะเบียนได้มาจากการขายทอดตลาด โดยการบังคับคดีทางศาล
5. การจดทะเบียนตาม 2,3 หรือ 4 แล้วจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมประเภทอื่นต่อไปในวันเดียวกัน
6. เมื่อมีการประกาศการขอจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมประเภทหนึ่งประเภทใดไว้ครบกำหนดแล้ว
ต่อมามีการตกลงเปลี่ยนประเภทการจดทะเบียน หรือเปลี่ยนคู่กรณีฝ่ายผู้รับสัญญา
7. การจดทะเบียนสิทธิหรือนิติกรรมประเภทหนึ่งประเภทใด ซึ่งได้กระทำติดต่อในวันเดียวกันเมื่อการ
จดทะเบียนลำดับแรกนั้นมีการประกาศตามข้อ 5 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2497) แล้ว
8. การจดทะเบียนการโอนตามคำสั่งศาล
9. การจดทะเบียนการโอนตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายอื่น
56. เจ้าพนักงานที่ดินสามารถอายัดที่ดินได้มีกำหนดกี่วัน
ก. 7 วัน ข. 15 วัน
ค. 30 วัน ง. 60 วัน
ตอบ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 ได้รับคำขอแล้ว ก็จะดำเนินการสอบสวนเอกสารหลักฐานที่ผู้ขอได้นำมาแสดง ถ้าเห็นสมควรเชื่อถือ ก็จะรับอายัดไว้มีกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่สั่งอายัด โดยให้ผู้ขออายัดไป ดำเนินการทางศาล คือไปฟ้องร้องต่อศาลภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งรับอายัด
57. การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามข้อใดที่ต้องมีประกาศก่อนทำการจด
ก. การจดทะเบียนรับมรดกที่ดิน ข. การจดทะเบียนเลิกภาระจำยอม
ค. การจดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง ง. การจดทะเบียนการได้มาจากการขายทอดตลาด ตอบ ก. กรณีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่จะต้องมีการประกาศก่อนทำการจดทะเบียน
1. การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่ยังไม่มีโฉนดที่ดิน ใบไต่สวนหรือหนังสือรับรอง การทำประโยชน์ตามแบบ น.ส. 3 ก หรือเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นในที่ดินดังกล่าว หรือเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นในที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน ใบไต่สวน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามแบบ น.ส. 3 ก ในกรณีไม่รวมกับที่ดินดังกล่าว ให้ประกาศการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมีกำหนด 30 วัน
2. การจดทะเบียนรับมรดกที่ดิน ต้องประกาศก่อนทำการจดทะเบียน มีกำหนด 30 วัน
3. การจดทะเบียนลงชื่อเป็นผู้จัดการมรดกในกรณีอื่นนอกจากคำสั่งศาลต้องประกาศก่อนทำการจดทะเบียน มีกำหนด 30 วัน
58. นายดอนครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินแปลงหนึ่งตั้งแต่ พ.ศ. 2495 โดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดิน เมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน นายดอนไม่ได้แจ้งการครอบครองตามที่กฎหมายกำหนด ใน พ.ศ. 2530 นายดอนได้ยกที่ดินแปลงนั้นตีใช้หนี้ให้แก่นายเด่น นายเด่นเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตลอดมา ขณะนี้ได้มีการประกาศของทางราชการเพื่อเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในท้องที่นั้น ดังนี้ อยากทราบว่านายเด่นจะนำที่ดินมาขอออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก. ไม่ได้ เพราะมิใช่ผู้ครอบครองและทำประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
ข. ไม่ได้ เพราะมิได้ไปแจ้งการครอบครองตามที่กฎหมายกำหนดเมื่อมีการใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน
ค. ได้ หากได้มานำหรือส่งตัวแทนมานำพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อสำรวจรังวัด
ง. ไม่มีข้อถูก
คำตอบ ค. นายเด่นสามารถนำที่ดินมาขอออกโฉนดที่ดินได้ เพราะเป็นบุคคลตามมาตรา 27 ตรี วรรคสอง
โดยต้องปฏิบัติตามมาตรา 27 ตรี วรรคหนึ่ง และจะได้รับโฉนดที่ดินตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (2)
59. นายมานพจะไปจดทะเบียนรับมรดกที่ดิน ซึ่งมีโฉนดที่ดินโดยที่ดินแปลงนั้นต้องอยู่ที่อำเภอบัวใหญ่ จังหวัด
นครราชสีมา แต่นายมานพมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร และไม่สะดวกจะไปทำการจดทะเบียนที่จังหวัดนครราชสีมา นายมานพจึงนำเอกสารไปยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินที่มีอำนาจทำการจดทะเบียนให้ ดังนี้ อยากทราบว่า นายมานพจะยื่นคำขอในกรณีดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก. ได้ เพราะที่ดินเป็นที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน
ข. ได้ เพราะเป็นการจดทะเบียนรับมรดก
ค. ไม่ได้ เพราะการจดทะเบียนรับมรดกจะต้องมีการประกาศก่อน
ง. ไม่ได้ เพราะเป็นการจดทะเบียนต่างสำนักงานที่ดิน
ตอบ ค. การยื่นคำขอจดทะเบียนและนิติกรรมต่างสำนักงานที่ดิน เพื่อให้ส่งเรื่องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มี
อำนาจตามมาตรา 71 ดำเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 72 วรรคสอง มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1. ที่ดินจะต้องเป็นที่ดินที่มีโฉนด ใบไต่สวนหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
2. การจดทะเบียนนั้นจะต้องไม่มีการประกาศก่อน
3. การจดทะเบียนนั้นจะต้องไม่มีการรังวัดก่อน
นายมานพจะยื่นคำขอในกรณีดังกล่าวไม่ได้ เพราะไม่ต้องด้วยกรณีตามมาตรา 72 วรรคสอง เนื่องจากการจดทะเบียนรับมรดกที่ดินจะต้องมีการประกาศก่อนตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 81 วรรคสอง
60. ที่ดินที่มีหลักฐานการแจ้งการครอบครองโดยยังไม่ได้รับคำรับรองว่าได้ทำประโยชน์แล้ว จะโอนให้แก่กันได้หรือไม่
ก. ได้ โดยการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน
ข. ไม่ได้ เว้นแต่จะตกทอดทางมรดก
ค. ไม่ได้ เว้นแต่จะโอนโดยการส่งมอบการครอบครอง
ง. ข้อ ข และ ค ถูก
คำตอบ ง. ถ้าที่ดินนั้นเป็นที่ดินมีหลักฐานแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) กรณีที่ดินที่มีหลักฐานการครอบครอง หรือ ส.ค.1 นี้ ก็ไม่สามารถโอนให้แก่กันได้เว้นแต่จะตกทอดทางมรดก เพราะยังไม่ได้รับคำรับรองจากนายอำเภอว่าได้ทำประโยชน์แล้ว ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9
(*ข้อสังเกต ที่ดินที่มีหลักฐานแจ้งการครอบครอง หรือ สค. 1 นี้ แม้จะไม่สามารถโอนให้แก่กันได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่จะสามารถโอนให้แก่กันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 ที่บัญญัติไว้ว่า การโอนไปซึ่งการครอบครองนั้นย่อมทำได้โดยการส่งมอบทรัพย์สินที่ครอบครอง)
61. นายมนัสเจ้าของที่ดินทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับน่ายมาโนช โดยทำสัญญากันในวันที่ 20 เมษายน 2552 ในหนังสือสัญญากำหนดไปทำการจดทะเบียนโอนและชำระราคาที่ดินให้แก่กัน ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 ต่อมาเมื่อถึงกำหนดนายมนัสผิดสัญญาไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่นายมาโนชตามสัญญา ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2552 นายมาโนชจะได้ไปขออายัดที่ดินเพื่อจะนำคดีไปฟ้องนายมนัสต่อไปได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก. ได้ เพราะนายมาโนชเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
ข. ไม่ได้ เพราะเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย
ค. ได้ เพราะประมวลกฎหมายที่ดินบังคับใช้แล้ว
ง. ไม่ได้ เพราะยังไม่มีเหตุพิพาทกัน
ตอบ ก. พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งรับอายัดไว้ได้ เพราะนายมาโนชเป็นผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินอันอาจจะฟ้องบังคับให้มีการจดทะเบียน หรือให้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินนั้นได้ ตามมาตรา 83
62. นายวิชาญเป็นเจ้าของที่ดิน โดยเริ่มครอบครองและทำประโยชน์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2496 โดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ใน พ.ศ. 2545 ได้มีประกาศของทางราชการเพื่อเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในท้องที่นั้น นายวิชาญได้ไปแจ้งการครอบครองที่ดิน แต่เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ออกมาทำสำรวจรังวัดที่ดิน นายวิชาญ ไม่ได้มานำพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการสำรวจรังวัดที่ดินของตน ต่อมาในปี พ.ศ. 2549 นายวิชาญได้ขายที่ดินแปลงนั้นให้แก่นายวิชิต นายวิชิตผู้ซื้อได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ตลอดมา นายวิชาติจะขอออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก. ได้ เพราะเป็นผู้ครอบครองต่อจากนายวิชาญ
ข. ไม่ได้ เพราะนายวิชาญเคยได้แจ้งการครอบครองแล้ว แต่มิได้มานำพนักงานเจ้าหน้าที่สำรวจที่ดิน
ค. ได้ เพราะพ้นกำหนดระยะเวลาห้ามโอนแล้ว
ง. ไม่ได้ เพราะนายวิชิตยังครอบครองไม่ครบกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด
ตอบ ก. นายวิชาญครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ตั้งแต่ พ.ศ. 2496 โดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ถือว่านายวิชาญเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ที่ดิน โดยพลการก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ใน พ.ศ. 2545 ได้มีประกาศของทางราชการเพื่อเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในท้องที่นั้น นายวิชาญได้ไปแจ้งการครอบครองที่ดิน แต่ไม่ได้มานำพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการสำรวจรังวัดที่ดินของตน ถือว่าเป็นผู้ซึ่งได้ปฏิบัติตามมาตรา 27 ตรี แล้ว นายวิชาญจึงเป็นบุคคลผู้มีสิทธิตามมาตรา 59 ทวิ วรรคแรก
63. นายเมฆกับนายหมอกเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินแปลงหนึ่ง ซึ่งโฉนดที่ดินแปลงนั้นตั้งอยู่ที่จังหวัดลำปาง ขณะนี้บุคคลทั้งสองต้องการจะจดทะเบียนแบ่งกรรมสิทธิ์รวมแต่ไม่สะดวกที่จะเดินทางไปที่จังหวัดลำปาง นายเมฆกับนายหมอกจึงได้นำโฉนดที่ดินและเอกสารหลักฐานสำหรับใช้ประกอบการจดทะเบียนไปยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดลำปางทำการจดทะเบียนให้ ทำได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก. ได้ เพราะการจดทะเบียนแบ่งกรรมสิทธิ์รวมไม่ต้องมีการประกาศก่อน
ข. ได้ เพราะเป็นที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน
ค. ไม่ได้ เพราะการจดทะเบียนแบ่งกรรมสิทธิ์รวมจะต้องมีการรังวัดก่อน
ง. ไม่ได้ เพราะที่ตั้งของที่ดินอยู่ต่างสำนักงานที่ดินที่ขอจดทะเบียน
ตอบ ค. นายเมฆกับนายหมอกเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินแปลงหนึ่ง ซึ่งมีโฉนดที่ดินแปลงนั้นตั้งอยู่ที่จังหวัดลำปาง ดังนั้น แม้ที่ดินของนายเมฆกับนายหมอกจะเป็นที่ดินที่มีโฉนด และการจดทะเบียนแบ่งกรรมสิทธิ์ก็ไม่ต้องมีการประกาศก่อน แต่การจดทะเบียนแบ่งกรรมสิทธิ์รวมนั้นจะต้องมีการรังวัดที่ดินก่อน นายเมฆกับนายหมอกจึงไม่สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำนักงานที่ดิน เพื่อส่งเรื่องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 ดำเนินการจดทะเบียนให้ได้ พนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครจึงรับดำเนินการตามมาตรา 72 ตามคำขอของนายเมฆกับนายหมอกไม่ได้
64. การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิตามข้อใด ที่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ก. หลักฐานการแจ้งการครอบครอง ข. ใบเหยียบย่ำ
ค. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. มาตรา 4 ทวิ นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินซึ่งมีโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
65. ที่ดินมีโฉนดที่ดิน หากปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่าเป็นเวลาเท่าใดจะถือว่าเจตนาสละสิทธิ์
ก. 3 ปี ข. 5 ปี
ค. 10 ปี ง. 15 ปี
ตอบ ค. นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับบุคคลใดมีสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดินหรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้าง ว่างเปล่า เกินกำหนดเวลาดังต่อไปนี้
(1) สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน เกิน 10 ปีติดต่อกัน .........
66. ที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่าเป็นเวลาเท่าใดจะถือว่าเจตนาสละสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่ทอดทิ้ง อาจถูกเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้นได้
ก. 3 ปี ข. 5 ปี
ค. 10 ปี ง. 15 ปี
ตอบ ข. นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับบุคคลใดมีสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดินหรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้าง ว่างเปล่า เกินกำหนดเวลาดังต่อไปนี้
(1) สำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เกินห้าปีติดต่อกัน .........
67. การออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับบุคคลตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (2) และ (3) จะออกได้ไม่เกินกี่ไร่
ก. 1 ไร่ ข. 20 ไร่
ค. 50 ไร่ ง.
ตอบ ค. มาตรา 58 ทวิ เมื่อได้สำรวจรังวัดทำแผนที่พิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์ในที่ดินตามมาตรา 58 แล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วแต่กรณี ให้แก่บุคคลตามที่ระบุไว้ในวรรคสอง เมื่อปรากฏว่าที่ดินที่บุคคลนั้นครอบครองเป็นที่ดินที่อาจออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ตามประมวลกฎหมายนี้
บุคคลซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามวรรคหนึ่งให้ได้ คือ
(1) ผู้ซึ่งมีหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน มีใบจอง ใบเหยียบย่ำ หนังสือรับรองการทำประโยชน์โฉนดตราจอง ตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” หรือเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ
(2) ผู้ซึ่งได้ปฏิบัติตามมาตรา 27 ตรี
(3) ผู้ซึ่งครอบครองที่ดิน และทำประโยชน์ในที่ดินภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายนี้ใช้บังคับและไม่มี ใบจอง ใบเหยียบย่ำ หรือไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ผู้ซึ่งมีหลักฐานการครอบครองที่ดินตามวรรคสอง (1) ให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในดินต่อเนื่องมาจากบุคคลดังกล่าวด้วย
สำหรับบุคคลตามวรรคสอง (2) และ (3) ให้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วแต่กรณีได้ไม่เกินห้าสิบไร่ ถ้าเกินห้าสิบไร่ จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด ...
68. ห้ามบุคคลตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3) โอนโฉนดที่ดินที่ได้รับมาให้แก่ผู้อื่น ภายในกำหนดระยะเวลาตามข้อใด
ก. 3 ปี ข. 5 ปี
ค. 10 ปี ง. 20 ปี
ตอบ ค. มาตรา 58 ทวิ....
ภายในสิบปีนับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ห้ามมิให้บุคคลตามวรรคสอง (3) ผู้ได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินดังกล่าวโอนที่ดินนั้นให้แก่ผู้อื่น เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดก หรือโอนให้แก่ทบวงการเมือง
69. จำนวนที่ดินที่คนต่างด้าวมีสิทธิครอบครองเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยนั้น สามารถครอบครองได้ครอบครัวละไม่เกินเท่าใด
ก. 1 ไร่ ข. 2 ไร่
ค. 5 ไร่ ง. 10 ไร่
ตอบ ก. มาตรา 87 จำนวนที่ดินที่จะพึงอนุญาตให้ตามความในมาตราก่อนมีกำหนดดังนี้
(1) ที่อยู่อาศัย ครอบครัวละไม่เกิน
(2) ที่ใช้เพื่อพาณิชยกรรม ไม่เกิน
(3) ที่ใช้เพื่ออุตสาหกรรม ไม่เกิน
(4) ที่ใช้เพื่อเกษตรกรรม ครอบครัวละไม่เกิน 10 ไร่
(5) ที่ใช้เพื่อการศาสนา ไม่เกิน
(6) ที่ใช้เพื่อการกุศลสาธารณ ไม่เกิน
(7) ที่ใช้เพื่อการสุสาน ตระกูลละไม่เกิน 1/2 ไร่
คนต่างด้าวผู้ใดต้องการมีสิทธิในที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมเกินกว่าที่บัญญัติไว้ใน (3) ถ้าเห็นเป็นการสมควร คณะรัฐมนตรีจะอนุญาตให้ได้มาซึ่งที่ดินเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ โดยกำหนดเงื่อนไขก็ได้ และให้นำบทบัญญัติมาตรา 48 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
70. ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ถ้ามีเอกชนจัดหาที่ดินมาให้พลเมืองใช้ร่วมกันแทนแล้ว การถอนสภาพจะกระทำโดย
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกำหนด
ค. พระราชกฤษฎีกา ง. กฎกระทรวง
ตอบ ก. ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน หรือใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ หรือเป็นที่ที่ได้หวงห้ามหรือสงวนไว้ตามความต้องการของทบวงการเมือง อาจถูกถอนสภาพ หรือโอนไปเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่น หรือนำไปจัดเพื่อประชาชนได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ถ้าทบวงการเมือง รัฐวิสาหกิจหรือเอกชนจัดหาที่ดินมาให้พลเมืองใช้ร่วมกันแทนแล้ว การถอนสภาพหรือโดยให้กระทำโดยพระราชบัญญัติ
71. จำนวนที่ดินที่คนต่างด้าวมีสิทธิครอบครองเพื่อเกษตรกรรม สามารถครอบครองได้ครอบครัวละไม่เกินเท่าใด
ก. 1 ไร่ ข. 2 ไร่
ค. 5 ไร่ ง. 10 ไร่
ตอบ ง. มาตรา 87 จำนวนที่ดินที่จะพึงอนุญาตให้ตามความในมาตราก่อนมีกำหนดดังนี้
(1) ที่อยู่อาศัย ครอบครัวละไม่เกิน
(2) ที่ใช้เพื่อพาณิชยกรรม ไม่เกิน
(3) ที่ใช้เพื่ออุตสาหกรรม ไม่เกิน
(4) ที่ใช้เพื่อเกษตรกรรม ครอบครัวละไม่เกิน
(5) ที่ใช้เพื่อการศาสนา ไม่เกิน
(6) ที่ใช้เพื่อการกุศลสาธารณ ไม่เกิน
(7) ที่ใช้เพื่อการสุสาน ตระกูลละไม่เกิน ½ ไร่
คนต่างด้าวผู้ใดต้องการมีสิทธิในที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมเกินกว่าที่บัญญัติไว้ใน (3) ถ้าเห็นเป็นการสมควร คณะรัฐมนตรีจะอนุญาตให้ได้มาซึ่งที่ดินเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ โดยกำหนดเงื่อนไขก็ได้ และให้นำบทบัญญัติมาตรา 48 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
72. ที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ถ้าที่ดินนั้นได้เปลี่ยนสภาพไปจากการเป็นที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน และมิได้ตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใด การถอนสภาพให้กระทำโดย
ก. พระราชบัญญัติ ข. พระราชกำหนด
ค. พระราชกฤษฎีกา ง. กฎกระทรวง
ตอบ ค. แต่ถ้าพลเมืองได้เลิกใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นหรือที่ดินนั้นได้เปลี่ยนสภาพไปจากการเป็นที่ดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน และมิได้ตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใดตามอำนาจกฎหมายอื่นแล้ว การถอนสภาพให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา
73. ผู้ซึ่งครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายกฎหมายนี้ใช้บังคับ โดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน และมิได้แจ้งการครอบครองตามมาตรา 5 หากจะออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะราย จะขอออกได้ไม่เกินกี่ไร่
ก. 1 ไร่ ข. 10 ไร่
ค. 50 ไร่ ง. 100 ไร่
ตอบ ค. ผู้ซึ่งครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายนี้ใช้บังคับโดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน และมิได้แจ้งการครอบครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 แต่ไม่รวมถึงผู้ซึ่งมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 27 ตรี ถ้ามีความจำเป็นจะขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะราย เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาเห็นสมควรให้ดำเนินการออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วแต่กรณี ได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ประมวลกฎหมายนี้กำหนด แต่ต้องไม่เกินห้าสิบไร่
74. หากจะขอออกโฉนดที่ดินเกินกว่าที่กำหนด จะต้องได้รับอนุมัติจากใคร
ก. นายอำเภอ ข. อธิบดีกรมที่ดิน
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ค. ถ้าเกินห้าสิบไร่จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัด
75. ในการออกโฉนดที่ดิน หากรังวัดที่ดินแล้ว เนื้อที่ที่รังวัดใหม่แตกจากเนื้อที่ตามใบแจ้งการครอบครอง เช่นนี้
การออกโฉนดที่ดินจะใช้ตามเนื้อที่ตามข้อใด
ก. ถือตามจำนวนเนื้อที่รังวัดใหม่ ข. ถือตามจำนวนเนื้อที่ที่ปรากฏตามเอกสาร
ค. ถือเอาตามจำนวนเนื้อที่ที่ได้ทำประโยชน์ ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. มาตรา 59 ตรี ในการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ถ้าปรากฏว่าเนื้อที่ที่ทำการรังวัดใหม่แตกต่างไปจากเนื้อที่ตามใบเจ้งการครอบครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินให้ได้เท่าจำนวนเนื้อที่ได้ทำประโยชน์
76. นายบุญ ขายฝากที่ดินกับนาง
ก. ได้ เพราะนางส้มจุกเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
ข. ไม่ได้ เพราะการขายฝากที่ดินเป็นโมฆะ
ค. ได้ เพราะนายบุญกระทำการโดยไม่สุจริต
ง. ไม่มีข้อทุก
ตอบ ข. กรณีที่นายบุญขายฝากที่ดินไว้กับนางส้มจุกโดยทำสัญญากันเองนั้น เมื่อมิได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนด ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแห่งและพานิชย์ มาตรา 491 ประกอบมาตรา 456 วรรคหนึ่ง นางส้มจุกจึงไม่ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินพิพาท แม้ต่อมานายบุญได้มาหลอกลวงเอา โฉนดที่ดินคืนไปโดยทุจริต ก็ไม่ทำให้นางส้มจุกเป็นผู้มีส่วนได้เสียอันจะขออายัดที่ดินแปลงดังกล่าวได้
77. กรณีที่ทายาทซึ่งมีสิทธิได้รับมรดกฝ่ายใด ไม่พอใจคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ จะต้องไปยื่นฟ้องต่อศาลภายในกำหนดกี่วัน
ก. 30 วัน ข. 45 วัน
ค. 60 วัน ง. 90 วัน
ตอบ ค. เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งประการใดแล้ว ให้แจ้งให้คู่กรณีทราบและให้ฝ่ายที่ไม่พอใจไปดำเนินการฟ้องต่อศาลภายในกำหนดหกสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หากผู้นั้นมิได้ฟ้องต่อศาล และนำหลักฐานการยื่นฟ้องพร้อมสำเนาคำฟ้องเกี่ยวกับสิทธิในการได้รับมรดกมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวก็ให้ดำเนินการไปตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่สั่ง
78. กฎหมายกำหนดให้การได้มาซึ่งที่ดินของวัด ต้องได้มาไม่เกินกี่ไร่
ก. 20 ไร่ ข. 30 ไร่
ค. 50 ไร่ ง.
ตอบ ค. มาตรา 84 การได้มาซึ่งที่ดินของวัดอาราม วัดบาทหลวงโรมันคาธอลิค มูลนิธิเกี่ยวกับคริสตจักร หรือมัสยิด อิสลาม ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี และให้ได้มาไม่เกิน
79. นายมีเข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 โดยไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ต่อมาปี พ.ศ. 2525 นายมีได้หนังสือรับรองการทำประโยชน์จากทางราชการ ปี พ.ศ. 2537 นายทองยกที่ดินตีใช้หนี้นายขาวโดยการส่งมอบที่ดินให้นายขาวเข้าครอบครอง ขณะนี้มีประกาศจากทางราชการเพื่อเดินสำรวจที่ดินออกโฉนดที่ดิน นายขาวจะสามารถขอออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่
ก. ไม่ได้ เพราะนายขาวครอบครองที่ดินยังไม่ครบกำหนด
ข. ไม่ได้ เพราะการตีใช้หนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน
ค. ได้ เพราะหากนายขาวมานำเจ้าพนักงานที่ดินให้ทำการสำรวจรังวัด
ง. ได้ เพราะนายขาวสามารถครอบครองที่ดินต่อจากนายมีได้
ตอบ ค. เมื่อการตีใช้หนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ตามมาตรา 4 ทวิ นายขาวจึงเป็นผู้ครอบครอง โดยพลการภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ต่อมาเมี่อมีการประกาศตามมาตรา 58 นายขาวสามารถขอออกโฉนดที่ดินได้ โดยการมานำพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการสำรวจรังวัดที่ดิน มาตรา 58 วรรคสาม เมื่อได้ ดำเนินการดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ก็จะออกโฉนดที่ดินให้ตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3)
80. นายจันทร์ได้รับอนุญาตให้จับจองที่ดินแปลงหนึ่ง โดยรัฐจัดที่ดินแปรงเล็กแปลงน้อยให้แก่ประชาชน ทางราชการออกใบจองให้ในวันที่ 12 มิถุนายน 2541 ต่อมา พ.ศ. 2544 นายจันทร์ได้ยกที่ดินแปลงนั้นให้ นางดาว นางดาวครอบครองและทำประโยชน์ และได้รับโฉนดที่ดินจากทางราชการในปี พ.ศ. 2548 ขณะนี้หากนางดาวต้องการจะจำนองที่ดิน จะทำได้หรือไม่
ก. ได้ เพราะการจำนองมิใช่การโอนอันต้องห้ามตามมาตรา 58 ทวิ วรรคห้า
ข. ไม่ได้ เพราะยังอยู่ในบังคับห้ามโอน 5 ปี
ค. ไม่ได้ เพราะยังอยู่ในบังคับห้ามโอน 10 ปี
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ก. นางดาวได้รับโฉนดที่ดิน เนื่องจากเป็นผู้ครอบครองที่ดินและทำประโยชน์ในที่ดินภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และไม่มีใบจอง ใบเหยียบย่ำ หรือไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3) ที่ดินที่นางดาวได้มาจึงถูกห้ามโอน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ วรรคห้า แต่การจำนอง ไม่ใช่การโอน แต่อย่างใด นางดาวสามารถทำได้
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
81. พระราชบัญญัติประมวลกฎหมายที่ดินนี้ มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก. 30 พฤศจิกายน 2497 ข. 1 ธันวาคม 2497
ค. 30 ธันวาคม 2497 ง. 1 มกราคม 2497
ตอบ ข. พระราชบัญญัตินี้ ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 30 พฤศจิกายน 2497 ซึ่งตามมาตรา 3 บัญญัติให้พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากในประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ซึ่งก็คือวันที่ 1 ธันวาคม 2497
82. บุคคลที่ทำหน้าที่ต้องไปแจ้งการครอบครองที่ดินต่อเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินนั้น จะต้องเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์อยู่ในที่ดินก่อนวันที่เท่าใด
ก. 30 พฤศจิกายน 2497 ข. 1 ธันวาคม 2497
ค. 30 ธันวาคม 2497 ง. 30 มกราคม 2497
ตอบ ข. เป็นผู้ที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ คือ ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2497
83. บุคคลตามข้อใดที่มีหน้าที่ต้องไปแจ้งการครอบครองที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมาย พ.ศ. 2497
ก. เอครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งที่ดินนั้นมีใบเหยียบย่ำแล้ว
ข. บี ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งที่ดินนั้นมีโฉนดตราจอง
ค. ซี ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งที่ดินนั้นมีตราจอง ที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว”
ง. ดี ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งที่ดินนั้นมีโฉนดที่ดิน
ตอบ ก. เมื่อประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ทางราชการต้องการที่จะสำรวจว่าที่ดินที่ราษฎรได้ครอบครองและทำประโยชน์มาก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับโดยที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์นั้นมีจำนวนมากน้อยเพียงใด เพื่อประโยชน์ในการที่จะออกโฉนดที่ดินให้แก่ราษฎรในโอกาสต่อไป ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงได้มีบัญญัติให้ราษฎรที่ครอบครองที่ดินมือเปล่าซึ่งมีเพียงสิทธิครอบครอง มีหน้าที่ต้องมาแจ้ง การครอบครองที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
84. การแจ้งการครอบครอง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน จะต้องแจ้งต่อใคร
ก. ผู้ใหญ่บ้าน ข. กำนัน
ค. นายอำเภอ ง. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอบ ค. ผู้มีหน้าที่แจ้งการครอบครองจะต้องแจ้งการครอบครองต่อนายอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอท้องที่
85. การแจ้งการครอบครอง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน จะต้องแจ้งภายใน 180 วัน นับแต่เมื่อใด
ก. นับแต่ได้ครอบครองและทำประโยชน์
ข. นับแต่ได้รับหนังสือสำคัญแห่งที่ดิน
ค. นับแต่พระราชบัญญัติให้ใช้ประโยชน์ที่ดินใช้บังคับ
ง. นับแต่วันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ
ตอบ ค. การแจ้งการครอบครอง ต้องแจ้งภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ใช้บังคับ คือ นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2497 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2498 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ทางราชการจะรับแจ้งการครอบครองตามมาตรา 5 วรรคแรก
86. การจะแจ้งการครอบครอง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่จำต้องมีคำรับรองจากบุคคลใดตามข้อใด
ก. ผู้ใหญ่บ้าน ข. กำนัน
ค. คณะเทศมนตรี ง. นายอำเภอ
ตอบ ง. ในการแจ้งการครอบครองที่ดิน ผู้แจ้งจะต้องมีคำรับรองจากกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน ถ้าที่ดินอยู่ในเขตเทศบาลก็จะมีคำรับรองจากคณะเทศมนตรี
87. หลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน จะโอนกันไม่ได้เว้นแต่
ก. โอนให้กันโดยการส่งมอบการครอบครอง
ข. โอนทางมรดกฐานะทายาทโดยธรรม
ค. โอนทางมรดกฐานะผู้รับพินัยกรรม
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. หลักฐานการแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) จะทำการโอนทางทะเบียนไม่ได้ ตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 แต่ก็มีข้อยกเว้นว่า อาจจดทะเบียนโอนโดยทางมรดก หรือโอนให้แก่กันโดยการส่งมอบการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ มาตรา 1378
88. ผู้ได้รับใบจองที่ทางราชการออกให้ ถ้าไม่ได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จะโอนที่ดินนั้นไม่ได้ ยกเว้นตามข้อใด
ก. โอนโดยการส่งมอบการครอบครอง
ข. โอนโดยการตกทอดทางมรดกฐานะทายาทโดยธรรม
ค. โอนโดยการตกทอดทางมรดกฐานะผู้รับพินัยกรรม
ง. ข้อ ข และข้อ ค ถูก
ตอบ ง. ที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้จับจอง แต่ยังไม่ได้รับคำรับรองจากนายอำเภอว่าได้ทำประโยชน์แล้ว ผู้ได้รับอนุญาตจะโอนไปไม่ได้เว้นแต่จะตกทอดโดยทางมรดก
89. นายหนึ่งได้รับอนุญาตให้จับจองที่ดิน โดยรัฐจัดสรรที่ดินแปลงเล็กแปลงน้อยให้แก่ประชาชนทางราชการออกใบจองให้ในวันที่ 15 มิถุนายน 2540 ต่อมา พ.ศ. 2545 ได้มีประกาศของทางราชการเพื่อเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน นายหนึ่งไม่ได้นำพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการรังวัดที่ดินของตนใน พ.ศ. 2548 นายหนึ่งได้ขายที่ดินแปลงนั้นให้แก่นายสอง นายสองได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินนั้นตลอดมา ขณะนี้นายสองจะ ขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายได้หรือไม่
ก. ไม่ได้ เพราะใบจองจะโอนให้แก่กันไม่ได้
ข. ไม่ได้ เพราะนายสองไม่มีสิทธิครอบครอง
ค. ได้ เพราะนายสองสามารถครอบครองต่อจากนายหนึ่งได้
ง. ทั้ง ก และ ข ถูก
ตอบ ง. นายหนึ่งขายที่ดินซึ่งมีใบจองให้แก่นายสอง เป็นการทำสัญญาซื้อขายกันเอง เพราะใบจองจะโอนให้แก่กันไม่ได้ ตามมาตรา 8 วรรคสอง พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน นายสองจึงเป็นเพียง ผู้ครอบครองโดยพลการภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ขณะนี้นายสองจะออกโฉนดที่ดินซึ่งเป็นการออกเป็นการเฉพาะราย ตามมาตรา 59 นายสองจะขอออกโฉนดที่ดินไม่ได้เพราะไม่มีสิทธิ์ครอบครองที่ดิน และไม่ได้ครอบครองต่อเนื่องจากผู้ซึ่งมีหลักฐานการแจ้งการครอบครองตามมาตรา 59 วรรคสอง และนายสองจะขอออกโฉนดที่ดินตามมาตรา 59 ทวิ ไม่ได้เช่นกัน เพราะไม่ได้ครอบครองอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ
90. ที่ดินซึ่งมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ถ้าทำสัญญาซื้อขายกันเอง ผู้ซื้อจะนำที่ดินมาขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายได้หรือไม่
ก. ไม่ได้ เพราะผู้ซื้อถือเป็นผู้ครอบครองโดยพลการหลังประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ
ข. ไม่ได้ เพราะผู้ซื้อไม่มีสิทธิครอบครอง
ค. ได้ เพราะส่งมอบการครอบครองเป็นอันใช้ได้
ง. ข้อ ก และ ข้อ ข ถูก
ตอบ ง. การทำสัญญาซื้อขายที่ดิน ที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ ตามมาตรา 4 ทวิ ผู้ซื้อจึงเป็นผู้ครอบครองโดยพลการ หลังประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ดังนั้น จะมาขอออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะราย ตามมาตรา 59 หาได้ไม่ เพราะไม่มีสิทธิครอบครอง และจะขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายตามมาตรา 59 ทวิ หาได้ไม่ เพราะไม่ได้ครอบครองก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ
กฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
91. ค่าธรรมเนียมในการขอสัมปทาน ต้องเสียรายละเท่าใด
ก. 100 บาท ข. 500 บาท ค. 1,000 บาท ง. 5,000 บาท
คำตอบ ข. ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ดังนี้
1. ค่าธรรมเนียมในการขอสัมปทาน รายละ 500 บาท
2. ค่าสัมปทานต่อปี ไร่ละ 20 บาท
92. สำหรับเนื้อที่ไม่เกิน
ก. 10 บาท ข. 20 บาท ค. 50 บาท ง. 100 บาท
ตอบ ข. ค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
(ก) ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน
(ข) ที่ดินเนื้อที่เกิน
93. ค่าธรรมเนียมการพิสูจน์สอบสวนหรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ถ้าเรียกเป็นรายแปลงละเท่าใด
ก. 2 บาท ข. 20 บาท ค. 30 บาท ง. 100 บาท
ตอบ ค. ค่าธรรมเนียมการพิสูจน์สอบสวนหรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
(ก) ถ้าเรียกเป็นรายแปลง แปลงละ 30 บาท
(ข) ถ้าเรียกเป็นรายวัน วันละ 30 บาท
(ค) ค่าคัดหรือจำลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท
(ง) ค่าจำนวนเนื้อที่หรือสอบสวน แปลงละ 30 บาท
(จ) ค่าจับระยะ แปลงละ 10 บาท
94. ค่าธรรมเนียมออกโฉนดที่ดิน ถ้าที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน
ก. 10 บาท ข. 20 บาท ค. 50 บาท ง. 100 บาท
ตอบ ค. ค่าธรรมเนียมออกโฉนดที่ดิน
(ก) ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน
(ข) ที่ดินเนื้อที่เกิน
95. ค่าธรรมเนียมรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน ถ้าเรียกเป็นแปลง แปลงละเท่าใด
ก. 10 บาท ข. 20 บาท ค. 40 บาท ง. 50 บาท
ตอบ ค. ค่าธรรมเนียมรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน
(ก) ถ้าเรียกเป็นรายแปลง แปลงละ 40 บาท
(ข) ถ้าเรียกเป็นรายวัน วันละ 40 บาท
(ค) ค่าคัดหรือจำลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท
(ง) ค่าจำนวนเนื้อที่หรือสอบสวน แปลงละ 30 บาท
(จ) ค่าจับระยะ แปลงละ 10 บาท
96. ค่าธรรมเนียมรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน ถ้าเรียกเป็นแปลง แปลงละเท่าใด
ก. ร้อยละ 0.5 ข. ร้อยละ 1 ค. ร้อยละ 2 ง. ร้อยละ 5
ตอบ ค. ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สำหรับค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมีทุนทรัพย์เรียกตามราคาประเมินทุนทรัพย์ตามที่คณะกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ กำหนดร้อยละ 2
97. ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนโอนมรดกหรือให้ ระหว่างผู้บุพการีกับผู้สืบสันดาน คืออัตราตามข้อใด
ก. ร้อยละ 0.5 ข. ร้อยละ 1 ค. ร้อยละ 2 ง. ร้อยละ 5
ตอบ ก. ค่าจดทะเบียนโอนมรดกหรือให้ ทั้งนี้ เฉพาะในระหว่างผู้บุพการีกับผู้สืบสันดาน หรือระหว่างคู่สมรสเรียกตามราคาประเมินทุนทรัพย์ตามที่คณะกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ ร้อยละ 0.5
98. ก่อนออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องประกาศการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ประชาชนทั่วไปทราบมีกำหนดตามข้อใด
ก. 15 วัน ข. 30 วัน ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. ก่อนออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ทราบมีกำหนดสามสิบวัน ประกาศนั้นให้ปิดไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอหรือที่ว่าการกิ่งอำเภอท้องที่ ที่ทำการแขวงหรือที่ทำการกำนันท้องที่ และ ใบบริเวณที่ดินนั้น แห่งละหนึ่งฉบับ ในเขตเทศบาลให้ปิดไว้ ณ สำนักงานเทศบาล อีกหนึ่งฉบับ
99. การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่ยังไม่มีโฉนดที่ดิน จะต้องประกาศการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกำหนดระยะเวลาตามข้อใด
ก. 15 วัน ข. 30 วัน ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่ยังไม่มีโฉนดที่ดิน ใบไต่สวน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามแบบ น.ส.3 ก. หรือเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นในที่ดินดังกล่าว หรือเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นในที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน ใบไต่สวน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ตามแบบ น.ส. 3ก. ในกรณีไม่รวมกับที่ดินดังกล่าว ให้ประกาศการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมีกำหนดสามสิบวัน
100. กำหนดระยะเวลาที่ให้ผู้มีส่วนได้เสียคัดค้านการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงนั้น มีระยะเวลาเท่าใดนับแต่วันประกาศ
ก. 15 วัน ข. 30 วัน ค. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ข. กฎกระทรวงฉบับที่ 45 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 “ข้อ 2 เมื่อได้รับคำขอตามข้อ 1 ให้อธิบดีจัดให้มีการสอบสวนและรังวัดทำแผนที่ตามวิธีการรังวัดเพื่อออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน และประกาศการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงให้ประชาชนทราบ มีกำหนดสามสิบวัน โดยปิดไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงานที่ดินสาขาหนึ่งฉบับ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอท้องที่ หรือที่ทำการเขตหนึ่งฉบับ ณ ที่ทำการกำนันหนึ่งฉบับ และ ในบริเวณที่ดินนั้นหนึ่งฉบับ สำหรับในเขตเทศบาลให้ปิดไว้ ณ สำหนักงานเทศบาลอีกหนึ่งฉบับด้วย ในประกาศดังกล่าวให้มีแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินที่จะออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง และกำหนดระยะเวลาที่ผู้มีส่วนได้เสียจะคัดค้านไว้ด้วย ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันประกาศ ถ้าไม่มีผู้คัดค้านให้ดำเนินการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงต่อไป ......”